วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปทุมวิกฤติแล้งจัด ประปาหยุดจ่ายนํ้า

ปทุมธานีเผชิญวิกฤติแล้งหนักสุดในรอบ 30 ปี ผู้ว่าฯ แจ้งเตือน 3 อำเภอรวมกว่า 5 หมื่นครัวเรือน ไม่มีน้ำประปาใช้ เพราะน้ำดิบในคลอง 13 แห้งขอด ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ พร้อมจัดหารถบรรทุกน้ำนำไปแจกจ่ายบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า
ปทุมธานีวิกฤติแล้งหนัก น้ำในคลอง 5 ถึงคลอง 15 แห้งเหลือแต่โคลน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดปทุมธานีเริ่มวิกฤติหนัก โดยขณะนี้ทางการประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีได้หยุดจ่ายน้ำประปาให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.ธัญบุรี ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 15 อำเภอลำลูกกา และอำเภอหนองเสือทั้งอำเภอแล้ว เนื่องจากไม่มีน้ำจากคลอง 13 มาเป็นน้ำดิบผลิตน้ำประปาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบกว่า 50,000 ครัวเรือน ทั้งนี้ การประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีได้พยายามประสานชลประทานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง แต่เนื่องจากน้ำในคลองรพีพัฒน์แห้งขอด ทำให้น้ำในคลอง 13 ไม่มี และไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาผลิตน้ำประปาจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ได้ โดยน้ำที่สำรองไว้ก็หมดภายในวันอาทิตย์ ทางการประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีได้ประสานขอความช่วยเหลือจากเทศบาลและองค์การบริหารท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อนำรถมาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
ด้านนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาธัญบุรี คลอง 13 ว่าบัดนี้น้ำดิบสำหรับทำประปาในคลอง 13 หมดแล้ว และจังหวัดได้ประสานขอผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาเติมให้ โดยมีการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ลงคลองหนึ่ง เพื่อให้มีน้ำไหลไปยังคลอง 13 รักษาระดับน้ำให้การประปาผลิตน้ำดิบได้ จึงแจ้งเตือนประชาชนให้ได้ทราบและหาอุปกรณ์สำรองน้ำไว้ใช้ และได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเตรียมรถน้ำไปรับน้ำสะอาดมาแจกจ่ายประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
นายพงศธรกล่าวอีกว่า จังหวัดปทุมธานีได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินภัยแล้งแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.หนองเสือ อ.ธัญบุรี และ อ.ลำลูกกา เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ สามารถนำงบประมาณไปให้การช่วยเหลือประชาชนทันทีและเร่งด่วน โดยได้สั่งการให้ท้องถิ่นในพื้นที่นำรถดับเพลิงและรถน้ำไปล้างถังน้ำและล้างหัวจ่ายน้ำเพื่อความสะอาด เพื่อไปรับน้ำสะอาดมาแจกจ่ายประชาชนในการใช้อุปโภคบริโภค บรรเทาความเดือดร้อน
"ในปีนี้จังหวัดปทุมธานีถือว่าประสบภัยพิบัติแล้งหนักที่สุดในรอบกว่า 30 ปี หลังจากที่ปริมาณน้ำตามแม่น้ำสายหลักและสายรองได้แห้งขอดจนหมด และสิ่งที่กำลังวิตกในขณะนี้ถ้าฝนไม่ตกมา เราจะต้องบริหารจัดการน้ำให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร่งด่วน โดยประสานไปยังสระเก็บน้ำพระราม 9 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.คลองหลวง อ.ธัญบุรี เพื่อขอสูบน้ำมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้ง
ด้านนางฐิตินันท์ เจริญอาจ ปลัดเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ กล่าวว่า การประปาส่วนภูมิภาค สาขาธัญบุรี ไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนได้ใช้นั้น ทางเทศบาลจึงได้เตรียมรถดับเพลิงและรถน้ำ และได้สำรวจหาแหล่งน้ำดิน เพื่อให้ประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลได้มีน้ำไว้ใช้ ซึ่งตอนนี้มีแหล่งน้ำที่เคยเป็นบ่อดินเก่าประมาณ 10 ไร่ มีน้ำอยู่เต็มลึกกว่า 20 เมตร และได้ประสานขอกับทางเจ้าของบ่อไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เทศบาลเมืองสนั่นรักษ์เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกถ้าเกิดสถานการณ์น้ำประปาขาดหรือไม่เพียงพอ ส่วนพื้นที่เขตชุมชน อ.เมืองปทุมธานี อ.สามโคก และเขตพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดปทุมธานี ยังคงมีน้ำประปาใช้อยู่ เนื่องจากสถานีผลิตน้ำประปาในเขตยังสามารถใช้น้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จึงไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 11 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 เรื่อง "คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย" ว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกจนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2558
อนึ่ง ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนลดลงในระยะนี้
กรมอุตุนิยมวิทยายังแจ้งถึงพายุไต้ฝุ่น “จันหอม” บริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศจีน และพายุไต้ฝุ่น “นังกา” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
พยากรณ์อากาศในรอบสัปดาห์ ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิ 25-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิ 24-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิ 25-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิ 25-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิ 23-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. อุณหภูมิ 24-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 12-13 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิ 25-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ที่มา : ไทยโพสต์
Share this article

1 ความคิดเห็น:

 
Distributed By Free Blogger Templates | Template Design by BTDesigner • Powered by Blogger
back to top